ผ่าดวงเมือง...ประเทศไทย


ด้วยพระอัจฉริยภาพขององค์ปฐมบรมราชจักรีวงศ์พระราชามหาราช องค์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ผู้ซึ่งสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์หรือกรุงเทพฯเป็นราชธานีแห่งราชอาณาจักรสยามหรือประเทศไทยในปัจจุบัน พระองค์ฯทรงตระหนักถึงความเป็นเอกราชของชาติบ้านเมืองเป็นหลัก จึงโปรดให้โหรหลวงผูกชะตาดวงเมืองที่จะจัดสร้างขึ้นใหม่ ในยามนั้นได้ทูลเกล้าฯถวายถึง 2 ดวง โดยมีนัยสำคัญที่แตกต่างกันเพื่อให้พระองค์ฯทรงพระวินิจฉัยคือ
ดวงเมืองดวงที่ 1
บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง ไม่มีเหตุวุ่นวาย แต่ทว่าจะต้องมีอยู่ระยะหนึ่งที่จะต้องตกเป็นเมืองขึ้นของ ต่างชาติ 
ดวงเมืองดวงที่ 2 
บ้านเมืองมีแต่เรื่องยุ่งวุ่นวายไม่สิ้นสุด แต่ทว่าจะสามารถรักษาเอกราชได้ตลอดไป

ปรากฏว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงเลือกดวงเมืองดวงที่ 2  ซึ่งพระองค์ทรงเล็งเห็นว่า การที่บ้านเมืองจะต้องตกไปเป็นประเทศราชของชาติอื่นนั้น แม้ว่าบ้านเมืองจะเจริญรุ่งเรืองสักเพียงใด ก็จะไม่มีความหมายอันใดเลยเมื่อสิ้นเอกราชของความเป็นชาติไทย พระองค์ฯจึงทรงมีพระประสงค์โปรดเกล้าให้ตั้งพระราชพิธียกเสาหลักเมืองเพื่อเป็นหลักชัยสำคัญ โดยมีพระฤกษ์การยกเสาหลักเมืองในวันอาทิตย์ ขึ้น 10 ค่ำ เดือน 6 ปีขาล ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 06:54 น.จึงได้สถาปนากรุงเทพฯเป็นราชธานีตั้งแต่นั้นมา เมื่อกาลเวลานั้นได้หมุนเวียนเปลี่ยนไป บ้านเมืองจึงได้พบทั้งความเจริญรุ่งเรืองและประสบทั้งความเสื่อมถดถอยสลับผลัดเปลี่ยนไปตามห้วงแห่งชะตามาตลอด
 
หากนำพระฤกษ์การยกเสาหลักเมือง ที่ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 เวลา 06:54 น. มาตั้งโครงสร้าง "สี่เสาแห่งโชคชะตา" ซึ่งเป็นดวงจีน 4 แถว 8 ตัวอักษรจีน ที่มีชื่อเรียกว่า “八字四柱” (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) หนึ่งในศาสตร์คัมภีร์จีนโบราณ ที่นิยมใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันไว้ดังนี้

เสาปี เป็น 壬寅 (หยิ่มเอี๊ยง) กิ่งฟ้าธาตุน้ำ ก้านดินนักษัตรขาล ธาตุไม้ ธาตุผสม 納音(หนับอิม) เป็น ธาตุทอง
เสาเดือน เป็น 甲辰 (กะซิ้ง) กิ่งฟ้าธาตุไม้ ก้านดินนักษัตรมะโรง ธาตุดิน ธาตุผสม 納音(หนับอิม) เป็น ธาตุไฟ
เสาวัน เป็น 丙午 (เปี้ยโง่ว) ดิถีวันเป็นธาตุไฟ ก้านดินนักษัตรมะเมีย ธาตุไฟ ธาตุผสม 納音(หนับอิม) เป็น ธาตุน้ำ
เสาเวลา เป็น 辛卯 (ซิงเบ้า) กิ่งฟ้าธาตุทอง ก้านดินนักษัตรเถาะ ธาตุไม้ ธาตุผสม 納音(หนับอิม) เป็น ธาตุไม้
เสาลัคนา เป็น 己酉 (กี้อิ้ว) กิ่งฟ้าธาตุดิน ก้านดินนักษัตรระกา ธาตุทอง ธาตุผสม 納音(หนับอิม) เป็น ธาตุดิน

โครงสร้างของธาตุชะตาดวงเมือง
ดิถีวันเป็นธาตุไฟที่ได้รับการภาคีจากฤดูใบไม้ผลิ ธาตุไม้ มาสนับสนุน อีกทั้งยังนั่งอยู่บนนักษัตรมะเมีย ธาตุไฟ ซึ่งมีดาวกระบี่สุริยัน 陽刃 (เอี้ยงยิ่ง) กำกับอยู่ ทั้งกิ่งฟ้าราศีบนของเสาเดือนเป็นธาตุไม้ที่ได้รับการส่งเสริมจากกิ่งฟ้าราศีบนของเสาปีอีก เป็นผลให้โครงสร้างของชะตาดวงเมืองที่ทุนเดิมเป็นธาตุไฟอยู่แล้ว ยิ่งทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้นจนเกินความสมดุล ยามใดเมื่อวัยจรหรือปีจรเดินอยู่ในธาตุที่เสริมเพิ่มธาตุประจำของชะตาดวงเมือง หรือมีผู้นำที่มีธาตุประจำเสริมเพิ่มธาตุไฟในพื้นชะตาดวงเมืองให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อ (ชื่อจริงหรือชื่อเล่น) สีสัน สัญลักษณ์ หรือทิศทาง ฯลฯ ที่สื่อความหมายถึงธาตุไฟหรือธาตุไม้ก็จะเป็นอริต่อดวงเมือง ส่งผลกระทบให้บ้านเมืองประสบพบเหตุวิบัติจนเป็นภัยพิบัติอุปสรรคปัญหาวุ่นวายขึ้นได้
 
ธาตุที่เป็นอริต่อดวงเมือง
ธาตุไม้ คือ สิ่งที่สื่อถึงไม้ ต้นไม้ ดอกไม้ การสื่อสาร สื่อมวลชน ทิศตะวันออก(บูรพา) ทิศตะวันออก/ใต้(อาคเนย์) สีเขียว รูปทรงกระบอกหรือสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฯลฯ
ธาตุไฟ คือ สิ่งที่สื่อถึงไฟ พระอาทิตย์ ดอกทานตะวัน สัตว์ที่มีเปลือกหรือกระดอง เตา  ปู ทิศใต้(ทักษิณ) สีแดง สีส้ม ม่วง ชมพู รูปทรงสามเหลี่ยมปลายแหลมฯลฯ

ธาตุที่เป็นคุณต่อดวงเมือง
ธาตุดิน คือ สิ่งที่สื่อถึงดิน ภูเขา แผ่นดิน แม่ ประชาชน ศาสนา ทิศตะวันตก/ใต้(หรดี) ทิศตะวันออก/เหนือ(อิสาน) สีเหลือง สีครีม สีน้ำตาล รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ฯลฯ
ธาตุทอง คือ สิ่งที่สื่อถึงโลหะ พระมหากษัตริย์ พ่อ ข้าราชการ ครุฑ ช้าง ทิศตะวันตก/เหนือ(พายัพ) ทิศตะวันตก(ประจิม) สีขาว สีทอง สีเงิน รูปทรงกลม ฯลฯ

หากพิจารณาตามธาตุพื้นชะตาดวงเมืองที่เป็นธาตุไฟอันร้อนแรงเกินความสมดุลแล้ว ธาตุดินและธาตุทองเป็นธาตุสำคัญ 用神 (เอ่งซิ้ง) ที่จะสามารถช่วยลดทอนความร้อนแรงของพื้นชะตาดวงเมืองให้กลับคืนสู่ความสมดุลได้ ดังนั้นประเทศไทยจึงจำเป็นต้องดำรงค์คงอยู่ไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นธาตุทองและสถาบันศาสนาซึ่งเป็นธาตุดิน โดยมีภาคประชาชนผู้จงรักษ์ภักดีที่เปรียบเสมือนธาตุดิน ร่วมด้วยช่วยกันเป็นเสาค้ำยันค้ำชูชาติบ้านเมืองให้มั่นคง

เมื่อทราบถึงโครงสร้างที่เป็นธาตุสำคัญ 用神 (เอ่งซิ้ง) ของชะตาดวงเมืองประเทศไทยแล้ว จากนี้ไปจะขอวิเคราะห์สถานการณ์เหตุบ้านการเมืองที่สำคัญๆตามวัยจรเมื่อเดินในถนนชะตาชีวิต 丙寅 (เปี้ยเอี๊ยง) และถนนชะตาชีวิต 丁卯 (เต็งเบ้า) ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปีพ.ศ.2540 จนถึง พ.ศ.2558 (ช่วงอายุ 215 ปี จนถึง อายุ 234 ปี) ชะตาดวงเมืองเดินอยู่ในตำแหน่งธาตุไฟ 丙 (เปี้ย) ที่นั่งอยู่บนนักษัตรขาล 寅 (เอี๊ยง)ธาตุไม้ กับ ธาตุไฟ 丁 (เต็ง) ที่นั่งอยู่บนนักษัตรเถาะ 卯 (เบ้า)ธาตุไม้ ปะทะกับ 己酉 (กี้อิ้ว) ซึ่งเป็น 命宮(เหมี่ยเก็ง) ลัคนาชะตาดวงเมือง ส่งผลกระทบในด้านลบต่อประเทศไทย
 
ลำดับตัวอย่างเหตุการณ์สำคัญๆดังนี้
พ.ศ.2540 เกิดวิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง 
พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี มีธาตุไฟเป็นธาตุประจำ 
พ.ศ.2547 ไฟใต้เริ่มปะทุขึ้นจวบจนทุกวันนี้ยังคงไม่ยุติ และเกิดสึนามิที่ภาคใต้
พ.ศ.2549 เกิดรัฐประหารดอกกุหลาบ
นายทักษิณ ชิณวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีธาตุไฟเป็นธาตุประจำ
พ.ศ.2553 เกิดวิกฤติการณ์เสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มีธาตุไม้เป็นธาตุประจำ
พ.ศ.2554 เกิดอุทกภัยน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่
พ.ศ.2557 เกิดรัฐประหารคสช.
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชิณวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี มีธาตุไฟเป็นธาตุประจำ

ทุกๆเหตุการณ์นี้...เกี่ยวพันกับธาตุประจำของผู้นำรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นชื่อสกุล (ชื่อจริงหรือชื่อเล่น) ชื่อพรรค สัญลักษณ์ รูปทรง หรือสีสัน ที่มีความหมายเป็นธาตุปฏิปักษ์ต่อความสมดุลของธาตุประจำชะตาดวงเมือง จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์บ้านเมืองได้ทั้งสิ้น

ประเทศชาติจะผ่านพ้นวิบากขวากหนามนี้ได้ก็ต่อเมื่อวัยจรถนนชีวิตเดินอยู่ที่ธาตุสำคัญ 用神 (เอ่งซิ้ง) เพื่อปรับธาตุประจำให้เกิดความสมดุล และถ้าหากได้ผู้นำที่มีพื้นฐานชะตาประจำเป็นธาตุดินหรือธาตุทองที่มีกำลังกล้าแกร่ง อีกทั้งยังมีดาวโล่ห์สวรรค์ 魁罡 (ควยกัง) กำกับอยู่ ก็จะเป็นเกราะคุ้มกันภัยแหลมคมจากดาวกระบี่สุริยัน 陽刃 (เอี้ยงยิ่ง) ที่อยู่ในพื้นชะตาดวงเมืองได้ เป็นการปรับความร้อนแรงของพื้นฐานชะตาดวงเมืองให้ผ่อนคลายกลับคืนสู่สภาวะความสมดุลขึ้น บ้านเมืองเราจึงจะอยู่อย่างสงบสุข ร่มเย็น เจริญรุ่งเรืองได้ยิ่งๆขึ้นมากกว่านี้

ขอบคุณภาพประกอบจาก : citypillar